ศาลจำคุกตัวการทำรถจดประกอบ

เผยแพร่: 15 มิ.ย. 2563 10:34 น. ปรับรุง: 15 มิ.ย. 2563 10:34 น. เปิดอ่าน 6677 ครั้ง  
 

ศาลจำคุกตัวการทำรถจดประกอบ

ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณี “ขบวนการลักลอบนำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้ว เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อจดประกอบเป็นรถยนต์จากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าโดยผิดกฎหมาย” (ขบวนการทำรถยนต์จดประกอบ) ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องจากมีลักษณะคดีที่เป็นการกระทำความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อนจำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวน สอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ โดยมีรูปแบบของการกระทำผิดด้วยการลักลอบนำรถยนต์ที่ใช้แล้วจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งคันโดยผิดกฎหมาย แต่อำพรางพฤติการณ์ด้วยการสำแดงรายการสินค้าเพื่อชำระภาษีเป็นเครื่องยนต์ โครงรถยนต์ (ตัวถัง) และอุปกรณ์อื่นของรถยนต์ (สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ) แล้วนำมาดำเนินการในกระบวนการทำรถยนต์จดประกอบและชำระภาษีเป็นประเภทรถยนต์จดประกอบโดยมีมูลเหตุจูงใจในการชำระค่าภาษีที่ต่ำลง โดยมีเจตนา “ฉ้อค่าภาษีที่จะจ่ายให้รัฐ” เนื่องจากการนำรถยนต์เข้ามาทั้งคันแบบรถยนต์สำเร็จรูปจะต้องชำระภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย (ภาษีท้องถิ่น) และภาษีมูลค่าเพิ่ม ประมาณร้อยละ 329 ของราคารถยนต์ แต่หากสำแดงเป็นอะไหล่รถยนต์หรือชิ้นส่วนรถยนต์จะทำให้การชำระภาษีให้รัฐต่ำกว่ามาก พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้น และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมชั้นศาลแล้วจำนวนหลายคดี รวมถึงคดีพิเศษที่ 111/2556 ซึ่งเป็นกรณีดำเนินคดีอาญากับนายพันวศิน วิไลแก้ว กับพวก รวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมกันลักลอบนำรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ รุ่นคอนติเนนตัล จีที สปีด ปี ค.ศ. 2009 ที่ได้ประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูปแล้ว 1 คัน ราคา 2,184,840 บาท ซึ่งยังไม่ได้เสียภาษีอากรขาเข้า จำนวน 1,747,872 บาท รวมราคารถและค่าภาษีอากรเป็นเงินจำนวน 3,932,712 บาท เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์ดังกล่าว รวมทั้งได้ปลอมเอกสารสิทธิ ใบขนส่งสินค้าขาเข้า พร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ตามใบขนส่งสินค้าขาเข้าเลขที่ A 0220531207972 อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายด้วย


 พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ได้ยื่นฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลอาญาเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2952/2561 บัดนี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563 ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 วรรคแรก (ใหม่), 246 วรรคสอง (ใหม่) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของพวกจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ฐานนำของที่ผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ซึ่งเป็นกฎหมายบทหนักสุด ลงโทษปรับจำเลยทั้งสี่คนละ 1,747,872 บาท นอกจากนี้ นายพันวศิน จำเลยที่ 1 ยังมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี ฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม จำคุก 1 ปี รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม ปรับ 1 แสนบาท ริบรถยนต์เบนท์ลีย์ เลขทะเบียน ญล5915 กรุงเทพมหานคร ส่วนข้อหาอื่นให้ยก

คดีดังกล่าวเป็นตัวอย่างการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการมุ่งมั่นปกป้องและรักษาประโยชน์ของรัฐ จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินคดีกับขบวนการทำรถยนต์จดประกอบให้สาธารณชนได้รับทราบ ทั้งนี้ เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นประการใดจะดำเนินการในส่วนของรถยนต์ของกลางตามคำพิพากษา และจะติดตามผลการดำเนินคดีอื่นๆ มาประชาสัมพันธ์เพื่อทราบต่อไป

************************************************

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ