DSI เผยแพร่คำพิพากษา แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในพื้นที่นครศรีธรรมราช สั่งจำคุก 70 ผู้ต้องหา สูงสุด 24 ปี ปรับ - ริบของกลาง - ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย
เผยแพร่: 8 ก.ค. 2568 16:38 น. ปรับปรุง: 8 ก.ค. 2568 17:58 น. เปิดอ่าน 50 ครั้งDSI เผยแพร่คำพิพากษา แก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในพื้นที่นครศรีธรรมราช
สั่งจำคุก 70 ผู้ต้องหา สูงสุด 24 ปี ปรับ - ริบของกลาง - ชดใช้เงินคืนผู้เสียหาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอเผยแพร่คำพิพากษาของศาลจังหวัดทุ่งสง คดีหมายเลขดำ ที่ อ 467/2567 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 397/2568 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 กรณี การร่วมปฏิบัติการตรวจค้นเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยและชาวจีนรายใหญ่ที่สุดเท่าที่ตรวจพบในประเทศไทย ซึ่งสามารถควบคุมชาวต่างชาติที่กระทำผิดแล้วตรวจยึดหลักฐานได้เป็นจำนวนมาก
กรณีดังกล่าวเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบทราบว่าเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 มีกลุ่มเครือข่ายชาวไทยและชาวจีนใช้สถานที่ในประเทศไทยตั้งสำนักงานหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทั่งสืบทราบว่าเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นโรงแรมตึกแถว จำนวน 5 คูหา 4 ชั้น มีห้องพัก จำนวน 22 ห้อง โดยจะมีกลุ่มคนร้ายที่เป็นคนไทยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ป้องกันบุคคลเข้า - ออกภายในอาคาร มีชาวจีนและชาวไทยหลายสิบคนนั่งทำงานหลอกลวงผู้เสียหายที่อยู่ในต่างประเทศ มีการแชตสนทนาเป็นภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย และภาษาไทย ด้วยอุปกรณ์แปลภาษา
โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ บูรณาการทางการข่าวและตรวจค้นจับกุมร่วมกับกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม
ทางเทคโนโลยี 5 ตำรวจภูธร ภาค 8 สำนักงาน กสทช. สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม พร้อมกัน 3 จุด และขยายผลระหว่างตรวจค้นอีก 1 จุด ในอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการตรวจค้น ได้จับกุมผู้ต้องหาชาวจีน จำนวน 52 คนชาวไทย จำนวน 19 คน รวม 71 คน คอมพิวเตอร์ จำนวน 223 เครื่อง โทรศัพท์ จำนวน 1,001 เครื่อง ไอแพด จำนวน 14 เครื่อง ซิมการ์ด จำนวน 298 ซิม สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 86 เล่ม และสินค้าหลีกเลี่ยงศุลกากรอีกจำนวนมาก โดยในแต่ละจุดเกิดเหตุได้มีการตรวจพบหนังสือเดินทางจากประเทศจีน ที่ใช้เดินทางเข้า - ออกประเทศกัมพูชาบ่อยครั้ง บางส่วนมีการอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศ และพบโทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่ใช้ในการส่งลิงก์เพื่อให้เหยื่อมีการคลิกลิงก์จึงได้แจ้งข้อหาและนำส่งพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดี และต่อมาได้มีการโอนสำนวนการสอบสวนไปยังกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5
ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาชาวจีน 52 คน ชาวไทย 16 คน และนิติบุคคล จำนวน 2 ราย รวม 70 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน อั้งยี่ ซ่องโจร ฉ้อโกงประชาชน ความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์และความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยศาลจังหวัดทุ่งสงได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1- 68 ซึ่งเป็นคนจีนและคนไทยทุกราย โดยหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกตัดสินจำคุก 24 ปี สำหรับในส่วนของนิติบุคคลที่เป็นจำเลยที่ 69 และ70 ศาลลงโทษปรับคนละ 88,000 บาท และให้จำเลยทั้ง 70 คน ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย โดยให้คืนเงินจำนวน 10,670,000 เยนหรือ 2,475,636.47 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 และจำนวน 450,000 เยนหรือ 10,408.29 บาท ให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 และริบของกลาง