DSI แถลงผลการดำเนินคดีอุปกรณ์ตรวจระเบิด-ทยอยมีคำพิพากษา

เผยแพร่: 28 ก.ย. 2561 11:45 น. ปรับรุง: 28 ก.ย. 2561 11:45 น. เปิดอ่าน 1952 ครั้ง  
 

 

DSI แถลงผลการดำเนินคดีอุปกรณ์ตรวจระเบิด-ทยอยมีคำพิพากษา

          ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ฉบับวันที่ 26 กันยายน 2561 ได้นำเสนอข่าวกรณีศาลแขวงดอนเมืองมีคำพิพากษาจำคุกกลุ่มผู้บริหารบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200 ให้กับกรมราชองครักษ์ นั้น

          กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงต่อสาธารณชนว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญา กรณีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานได้ร้องทุกข์ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีอาญากับผู้ลวงขายอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200 ให้กับหน่วยงานของตน ซึ่งต่อมาปรากฏว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่ได้โฆษณาขาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนและรวบรวมหลักฐานแล้ว พบมูลความผิดจึงเสนอต่อมาคณะกรรมการสิทธิพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ซึ่งมีการดำเนินคดีอาญาทั้งสิ้น 16 คดี โดยมีส่วนราชการซึ่งเป็นผู้เสียหาย ประกอบด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดพิษณุโลก กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมราชองครักษ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดยะลา ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพเรือ และจังหวัดสุโขทัย 

          จากการสอบสวนของกองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบมูลความผิดอาญาฐานหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในสภาพและคุณภาพแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ และความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งทุกคดีการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และทยอยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งผลคดีที่ปรากฏตามข่าวเป็นคดีที่ 3 ที่ได้มีคำพิพากษา โดยคดีแรก มีศูนย์รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีระหว่างอุทธรณ์ คดีที่ 2 มีกรมสรรพาวุธทหารบกเป็นผู้เสียหาย ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี จำนวน 12 กระทง รวม 36 ปี แต่ตามมาตรา 91 (1) แห่งประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้จำคุกได้ไม่เกิน 10 ปี และมีโทษปรับ 72,000 บาท ส่วนคดีที่ 3 คือคดีที่มีกรมราชองครักษ์เป็นผู้เสียหาย ศาลพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นระยะเวลา 9 ปี และมีโทษปรับ 18,000 บาท

          เนื่องจากเป็นคดีที่สาธารณชนให้ความสนใจ หากมีคำพิพากษาศาลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้นำเสนอข้อมูลต่อสาธารณชนต่อไป

          จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

 คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ

27 กันยายน 2561

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ