DSI พบสถานประกอบการเปิดกิจการบังหน้าแฝงการค้าประเวณีในเมืองพัทยา

เผยแพร่: 7 ธ.ค. 2561 10:54 น. ปรับรุง: 7 ธ.ค. 2561 10:54 น. เปิดอ่าน 2409 ครั้ง  
 

DSI พบสถานประกอบการเปิดกิจการบังหน้าแฝงการค้าประเวณีในเมืองพัทยา

 

 

     ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิความเป็นมนุษย์ และสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งรัดในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง

     พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้กองคดีการค้ามนุษย์ดำเนินมาตรการเชิงรุก และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด และดำเนินการสืบสวนกรณีมีสถานประกอบต่างๆ ที่เปิดกิจการบังหน้าแฝงการค้าประเวณีในพื้นที่เมืองพัทยา
โดยนำพาหญิงสาวที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มาเพื่อค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ตามเลขสืบสวนที่ 207/2561

     ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2561 พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ ผู้อำนวยการ กองคดีการค้ามนุษย์ และคณะพนักงานสืบสวน ได้ลงพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ทำการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ในการวางแผนเข้าทำการตรวจค้นร้านเป้าหมาย คือ ร้านมีส บี-ฮาเว่น (MISS B-HAVEN) ตั้งอยู่บริเวณพัทยาซอย 6 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยอาศัยอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

     ผลการตรวจค้นร้านมีส บี-ฮาเว่น พบหญิงไทย จำนวน 8 คน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการสัมภาษณ์คัดแยกผู้ที่อาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จากหญิงสาวทั้ง 8 คนดังกล่าว จากการสัมภาษณ์พบว่ามีหญิงสาวที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน 4 คน จึงได้ส่งตัวไปเข้ารับการคุ้มครองที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ จังหวัดนนทบุรี ต่อไป

     ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าของและผู้ดูแลร้านนั้น ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ ได้มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนางสาวจอมแก้ว กิงโคง และนายลี คอนเวย์ วิลกินซัน (Lee Conway Wilkinson) ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท มีส บี-ฮาเว่น จำกัด ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ในความผิดฐาน ร่วมกันค้ามนุษย์ โดยเป็นผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็ก และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และร่วมกันเป็นเจ้าของ ผู้ดูแล หรือผู้จัดการสถานค้าประเวณีฯ รวมทั้งความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

     ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมนายลี คอนเวย์ วิลกินซัน (Lee Conway Wilkinson) ขณะหลบหนี เพื่อนำมาดำเนินคดีร่วมกับนางสาวจอมแก้ว กิงโคง ที่ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนจะได้ขออนุมัติต่อ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรับโอนสำนวนจากสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยามาดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษต่อไป

 

**********************************************

 

 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ