สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

เผยแพร่: 28 ก.พ. 2557 14:25 น. ปรับรุง: 28 ก.พ. 2557 14:25 น. เปิดอ่าน 1262 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์  ๒๕๕๗  

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  

๑. ศรส.ได้รับแจ้งจากศูนย์ข่าวร่วมและตำรวจสันติบาลว่า  ยอดผู้ชุมนุมของ กปปส. ทุกเวทีจำนวนรวมกันเมื่อวานนี้ คือ ๓,๙๐๐ คน  ซึ่งนับว่ามีจำนวนลดน้อยลงเป็นลำดับ  ศรส.จึงขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา โดยไม่เข้าร่วมชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสนับสนุน กปปส. กลุ่มคัดค้าน กปปส.  กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่น ๆ การที่พี่น้องประชาชนงดเว้นไม่เข้าร่วมชุมนุม  ยังเป็นผลดีต่อการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากเหตุร้ายต่าง ๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นด้วย   สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม กวป. ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น  ศรส.ขอเรียกร้องให้แกนนำที่จัดการชุมนุมได้เลิกการชุมนุมเพราะได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้เส้นทางการจราจรบนถนนนนทบุรี ๑ เป็นอย่างมาก  รวมถึงการชุมนุมปิดกั้นประตูสำนักงาน ป.ป.ช. ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. และข้าราชการไม่สามารถเข้าออกเพื่อทำงานตามปกติได้  แกนนำ กวป. จะต้องรับผิดชอบกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขความยุ่งยากให้แก่บ้านเมืองมากขึ้นไปอีก

 

๒. ศรส.ขอขอบคุณศาลอาญาที่ได้กรุณาสั่งไม่เพิกถอนหมายจับแกนนำ กปปส. ๑๘ คน ประเภทหมาย ฉ. ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ  โดยศาลอาญามิได้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแพ่งที่สั่งห้าม ศรส. ๙ ข้อ มาใช้พิจารณาตามคำร้องของฝ่ายผู้ต้องหา  ศรส.จะได้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง ๑๘ คนต่อไป  แม้การเข้าจับกุมจะทำได้ลำบากตามคำสั่งของ     ศาลแพ่งก็ตาม  

 

๓. ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส.  โดยเฉพาะสถานที่ราชการ  ดังนั้น เพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเดิม  ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง ๖๓ แห่งแล้ว  แต่หลังจากที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ส่งผลให้ ศรส.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลักตามกฎหมายได้  และเป็นผลให้ กปปส. ไปบุกรุก ปิดล้อมสถานที่ราชการและขับไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงานอีก ข้อมูลจนถึงเช้าวันนี้ กปปส. ได้กลับไปบุกรุกปิดล้อมส่วนราชการและบริษัทเอกชน รวมจำนวน ๑๔ แห่ง ซึ่ง ศรส.จะได้พยายามทุกวิถีทางให้สถานที่ราชการดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการอีกให้จงได้    

 

๔. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗  ว่า ได้รับคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังนี้  

๑) คดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๙๐ คดี  แยกเป็นคดีที่ กปปส.ในกรุงเทพมหานครกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ๕๑ คดี  และคดีที่ กปปส.ในต่างจังหวัดกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง ๑๓๙ คดี    

๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๓ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๒ คดี  และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๑ คด รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๖๓ คดี  โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๑๔๑ คน  ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๕๙  คน  ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๗๖๖ คน ซึ่งโทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี  ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ ศรส.จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีดังกล่าวโดยรวดเร็วและรัดกุม เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกระทำความผิดซ้ำอีก โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ววันนี้  

 

๕. ผู้อำนวยการ ศรส.ได้มีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงทุกกระทรวงที่ถูก กปปส. ปิดล้อม บุกรุกสถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐในการกำกับดูแล ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือฟ้องคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งกับแกนนำ กปปส. โดยต้องแยกดำเนินการเป็นต่างกรรมต่างวาระทุกครั้ง  ที่มีการเข้าปิดล้อมและบุกรุกภายใน ๗ วัน หลังจากเกิดเหตุทุกครั้งไป  

 

๖. ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหาในฐานความผิดร่วมกันเป็นกบฏที่เป็นแกนนำ กปปส. บางคนในจำนวน ๕๘ คน ได้ไปก่อความเดือดร้อนและคุกคามบุคคลต่าง ๆ เช่น ไปห้อมล้อม คุกคาม  เป่านกหวีด และพูดจาข่มขู่บุคคลต่าง ๆ ตามที่สาธารณะ เช่น ศูนย์การค้านั้น เป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิส่วนบุคคล  ศรส.จึงเห็นควรให้   กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายเรียกผู้ต้องหาเหล่านี้มาดำเนินคดีในข้อหาหลัก คือ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏดังกล่าว และหากไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการขอออกหมายจับเพื่อการจับกุมต่อไป  

 

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน