สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗

เผยแพร่: 12 มี.ค. 2557 13:54 น. ปรับรุง: 12 มี.ค. 2557 13:54 น. เปิดอ่าน 1202 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ 

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้ 

๑. ศรส.ได้รับรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับนายระวี มาศฉมาดล นายทศพล แก้วทิมา และนายธวัชชัย พรหมจันทร์ รวม ๓ คน ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จากการนำมวลชนเข้าบุกรุกปิดล้อมกระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนายระวีฯ กับพวก รวม ๓ คนดังกล่าวแล้ว ซึ่ง ศรส. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง ๓ คน มาดำเนินคดีโดยด่วนต่อไป 

 

๒. ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเป็นการทั่วไป พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยกำหนดให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาล่วงหน้าในวันที่ ๒๓ มีนาคม และเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ ๓๐ มีนาคมนี้นั้น ศรส.ได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ได้กำหนดมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้ง โดยจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นในทุกระดับ โดยจัดชุดรักษาความปลอดภัยสถานที่เลือกตั้ง สถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง และสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้ง รวมถึงสนับสนุนการเลือกตั้งตามที่ กกต. จะได้ร้องขอ โดยมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กว่าหนึ่งแสนนาย เพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปลายเดือนนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

๓. ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ คือวันนี้ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ ๑) คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น ๑๔๙ คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๑ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน ๑๔๓ คดี ๒) คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น ๑๗๗ คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๖๖ คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน ๑๑๑ คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น ๓๗๑ คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น ๑๘๖ คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว ๑๐๕ คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง ๑,๕๕๒ คน นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า พนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาล พนักงานสอบสวนของจังหวัดสตูลและจังหวัดพัทลุง ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีขัดขวางการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ ๒ จังหวัด ซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง และไม่ดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อนึ่ง ศรส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่ง ศรส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด เพื่อนำผู้กระทำผิด มาลงโทษ และป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้

 

๔. ศรส.ขอตำหนินายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. ที่พยายามให้ข่าวตลอดเวลาว่า ศรส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จงใจกลั่นแกล้ง นายอิสระ สมชัย แกนนำ กปปส. ซึ่ง ศรส.ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง การดำเนินคดีนี้เป็นไปตามข้อเท็จจริง กล่าวคือ นายยืม นิลหล้า ได้เข้าไปนั่งพักผ่อนบริเวณสวนลุมพินี ใกล้กับเวทีการชุมนุมของ กปปส. แล้วได้ถูกการ์ด กปปส. ควบคุมตัวและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการรุมซ้อมทำร้ายร่างกายแล้วจับมัดไว้ในเต็นท์การ์ดเป็นเวลาถึง ๖ วัน มีอาการปอดฉีกขาดและบาดแผลถูกรุมทำร้ายทั่วทั้งร่างกาย แล้วทำการมัดมือมัดเท้าและปิดตานำไปโยนในแม่น้ำ บางปะกงเพื่อหวังฆ่าให้ตาย แต่นายยืมฯ สามารถเอาตัวรอดจนได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล และต่อมานายยืมฯ ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า นายอิสระ สมชัย เป็นผู้สั่งให้นำตัวนายยืมฯ ไปโยนลงแม่น้ำ ซึ่งในชั้นการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราก็ได้ออกหมายจับนายอิสระฯ กับพวก รวม ๖ คน ในข้อหาพยายามฆ่าฯ ดังนั้น การที่ศาลได้ออกหมายจับนายอิสระ สมชัย กับพวกรวม ๖ คน ดังกล่าว จึงเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างตรงไปตรงมา หาใช่การใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งใด ๆ จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน

 

 

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ