สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557

เผยแพร่: 10 มี.ค. 2557 21:21 น. ปรับรุง: 10 มี.ค. 2557 21:21 น. เปิดอ่าน 1315 ครั้ง  
 

สรุปผลการประชุม ศรส. เมื่อวันที่ 10 มีนาคม  2557

ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้  

1. ตามที่ผู้อำนวยการ ศรส. ได้มีหนังสือถึงพนักงานอัยการเพื่อให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีที่นายถาวร  เสนเนียม  เป็นโจทก์ ฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร จำเลยที่ 1  กับพวก  โดยให้ข้อบังคับตามประกาศและข้อกำหนดไม่มีผลบังคับต่อโจทก์และประชาชน และห้ามจำเลยกระทำการรวม 9 ข้อ ดังเป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วนั้น  ในวันนี้ พนักงานอัยการที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา พร้อมคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลแพ่งตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว เพื่อยืนยันถึงอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของฝ่ายบริหารในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยจะได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวงที่แกนนำ กปปส. ได้ร่วมกันกระทำความผิดอย่างต่อเนื่องติดต่อกันตลอดมา ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า กปปส. มิได้ชุมนุมโดยสงบ เปิดเผย และปราศจากอาวุธ รวมถึงที่ศาลอาญาได้ออกหมายจับข้อหากบฏต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกด้วย  

 

2. ศรส.ได้รับแจ้งว่า นายระวี  มาศฉมาดล กับพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหามีหมายจับในคดีฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ  ที่ได้กระทำการปิดล้อมบุกรุกกระทรวงพลังงานอยู่เป็นเวลานาน และจากปฏิบัติการเพื่อเปิดสถานที่ราชการของ ศรส. ก็สามารถจับกุมนายระวีฯ กับพวกไว้ได้ แต่ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวไป โดยมีเงื่อนไขห้ามไปยุยง ปลุกปั่น หรือกระทำการใด ๆ ที่มีลักษณะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น  ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2557 นายระวีฯ กับพวก ได้กระทำการปลุกปั่น นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมอาคารสำนักงานใหญ่ Enco ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต จนได้รับความเสียหาย และ Enco ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ดำเนินคดีแล้ว  ซึ่งจากพฤติกรรมของนายระวีฯ ที่ได้กระทำการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งของศาลอย่างชัดแจ้ง  โดย ศรส. ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการยื่นคำร้องขอถอนการประกันตัวโดยเร่งด่วนในช่วงบ่ายของวันนี้  

 

3. ศรส.ได้รับรายงานว่า จากการที่ผู้อำนวยการ ศรส. ลงนามเห็นชอบการเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของนายสาธิต เซกัล  เป็นเหตุให้นายถาวร เสนเนียม ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้จับกุมหรือคุมขังนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศรส. และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากกระทำการฝ่าฝืนคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแพ่ง คดีหมายเลขแดงที่ 544/2557 นั้น ผู้อำนวยการ ศรส. ขอเรียนชี้แจงว่า ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเป็นการเฉพาะ โดยมิได้พิจารณาตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 ประกอบกับประกาศตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ข้อ 8 ด้วยแต่อย่างใด  ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสาธิตฯ กระทำผิดกฎหมายจริง โดยคณะกรรมการฯ มีมติเห็นควรเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของนายสาธิตฯ ตามมาตรา 53 ประกอบกับมาตรา 12(7) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522  ส่วนการที่ผู้อำนวยการ ศรส. เป็นผู้ลงนาม  ก็เนื่องจากมีประกาศเรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 23 มกราคม 2557 ออกตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งประกาศดังกล่าวมิได้สิ้นผล ไปตามคำพิพากษาของศาลแพ่งด้วย โดยประกาศดังกล่าวกำหนดให้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โอนมาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี  ก็ได้มอบหมายการใช้อำนาจนี้ให้กับผู้อำนวยการ ศรส. ในฐานะที่เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  ดังนั้น ผู้อำนวยการ ศรส. จึงต้องเป็นผู้ลงนามเห็นชอบในการเพิกถอนดังกล่าว ซึ่ง ศรส.ขอยืนยันว่า การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ  ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ ศรส.จะได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการแก้ต่างคดีโดยเร็วต่อไป

 

 จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน

ข่าวล่าสุด

ข่าวที่น่าสนใจ