“DSI ร่วมกับ UNODC และสหภาพยุโรป เปิดเวที TIPNET 2025 เสริมเครือข่ายสกัดการค้ามนุษย์ในยุคดิจิทัล”
เผยแพร่: 1 ต.ค. 2568 12:23 น. ปรับปรุง: 1 ต.ค. 2568 18:09 น. เปิดอ่าน 71 ครั้ง
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
โดยกองคดีการค้ามนุษย์
ร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)
โดยการสนับสนุนของสหภาพยุโรป
จัดการประชุมระดับชาติ “TIPNET 2025
– National Conference on Cooperation in Combating Human Trafficking” ระหว่างวันที่
24–26
กันยายน 2568 ณ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้แนวคิด “Connectivity
must unite people, not chain them – การเชื่อมต่อควรเป็นพลังที่รวมผู้คน
มิใช่พันธนาการ” ซึ่งนับเป็นการประชุมด้านการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โอกาสดังกล่าว พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานเปิดและเข้าร่วมการประชุม TIPNET2025
พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน
กระทรวงมหาดไทย ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนคณะทูต และผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน
รวมผู้เข้าร่วมกว่า 170 คน จากกว่า 50 หน่วยงาน ทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย
และหน่วยงานระดับนโยบาย
โครงการ TIPNET
ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดขึ้นต่อเนื่องมากว่า
10 ปี มีเป้าหมายสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งประเทศไทยกับนานาประเทศ
โดยเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี ตลอดจนแนวโน้มและรูปแบบใหม่ของการค้ามนุษย์
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายและมาตรการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่อาชญากรรมค้ามนุษย์มีความซับซ้อนมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam
Centres) หรืออาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนหรือกลุ่มเปราะบางอื่น
รวมทั้งยกระดับการคุ้มครองผู้เสียหายบนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและหลักการ victim-centred
approach ตลอดจนขับเคลื่อนบทบาทของประเทศไทยให้โดดเด่นในฐานะผู้นำภูมิภาคด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม
การประชุม TIPNET
2025
จัดขึ้นด้วยการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง DSI และ
UNODC โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากโครงการ
PROTECT ของสหภาพยุโรป
และการสนับสนุนเพิ่มเติมจากโครงการอาเซียน-ออสเตรเลียเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (ASEAN–ACT)
มูลนิธิ
IJM มูลนิธิอิมมานูเอล
และมูลนิธิ The Exodus Road ตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการค้ามนุษย์หรือการบังคับใช้แรงงานไม่ว่าจะในรูปแบบใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1300 (ศูนย์ช่วยเหลือสังคม), 1506 (สายด่วนกระทรวงแรงงาน), 1599 (ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และ 1202 (สายด่วน DSI) โดยผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 100,000 บาท หากข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงาน