DSI เผยผลคดีแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ “มีเหรียญ happyabc piggybang” ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุกหนัก-ไม่รอการลงโทษ แม้ชดใช้คืนผู้เสียหายเตือนผู้คิดกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
published: 10/10/2025 8:34:09 AM updated: 10/10/2025 8:34:52 AM 93 views
DSI เผยผลคดีแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ “มีเหรียญ happyabc piggybang”
ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุกหนัก-ไม่รอการลงโทษ แม้ชดใช้คืนผู้เสียหาย
เตือนผู้คิดกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
กรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยผลการดำเนินคดีพิเศษที่ 80/2563 กรณี แอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์เถื่อน ได้แก่ “มีเหรียญ” “happyabc” “piggybang” ฯลฯ ซึ่งได้มีการปล่อยกู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3125/2565 หมายเลขแดงที่ อ.3661/2565 คดีอุทธรณ์หมายเลขดำที่ อ.1612/2567 หมายเลขแดงที่ 28008/2567 พิพากษาจำคุก นายเจิ้ง (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน กับพวกซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนและไทย รวม 9 คน สูงสุด 1 ปี 117 เดือน และปรับรวม 600,000 บาท โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แม้ว่าผู้ต้องหาจะชดใช้เงินส่วนที่หักเป็นดอกเบี้ยคืนแก่ผู้เสียหายแต่ละรายแล้วก็ตาม เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาซึ่งกระทำเป็นกระบวนการโดยอาศัยช่องทางความเดือนร้อนเรื่องการเงินของผู้อื่นและประชาชนด้วยการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ เป็นภัยต่อสุจริตชนและเศรษฐกิจของประเทศชาติ
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายหลายรายว่าได้กู้เงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในระบบ Android และ iOS ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นแอปพลิเคชันถูกกฎหมาย เมื่อสมัครใช้งาน ผู้กู้ต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ เช่น รายชื่อ ผู้ติดต่อ ภาพถ่าย และวิดีโอ ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้เต็มรูปแบบ โดยระบบจะเสนอวงเงินกู้ 2,000 บาท แต่โอนจริงเพียง 1,300 บาท อ้างหักค่าธรรมเนียมและค่าบริการ ผู้กู้ต้องชำระคืน 2,000 บาท ภายใน 7 วัน พร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ รวมเป็น 2,500 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดถึงร้อยละ 3,000 ต่อปี เมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ กลุ่มคนร้ายได้ข่มขู่ ประจานข้อมูลส่วนบุคคลผ่านสื่อออนไลน์ เช่น หลอกสมัครงานหรือเปิดบัญชีม้า สั่งซื้อสิ่งของ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางจากผู้เสียหาย หรือส่งพวงหรีดไปยังที่ทำงาน และนำข้อมูลไปใช้ก่ออาชญากรรมรูปแบบอื่น เป็นต้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ได้สืบสวนจนพบว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้ถูกพัฒนาโดยกลุ่มคนไทยที่ร่วมมือกับกลุ่มชาวจีน มีกว่า 20 แอปพลิเคชัน ภายใต้เครือข่ายเดียวกัน ใช้บัญชีม้าเป็นช่องทางรับและโอนเงิน โดยเฉพาะบัญชีที่อยู่ในชื่อหญิงสาวหรือพริตตี้ จึงได้ดำเนินการปิดกั้นแอปพลิเคชันและเพจที่เกี่ยวข้อง ต่อมาพบว่ากลุ่มคนร้ายยังคงส่งลิงก์ดูดข้อมูลและเงินผ่านข้อความ (SMS) ถึงผู้เสียหาย โดยใช้ข้อมูลของกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกเก็บไว้ในระบบคลาวด์ เจ้าหน้าที่จึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบล็อกข้อความเหล่านั้น และแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง ปัจจุบันพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยังคงสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีกว่า 50 ราย พบว่ามีการจัดตั้งบริษัทในเครือเพิ่มเติม และพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่กว่า 30 แอป ต่อมามีประชาชนเข้าไปยื่นกู้เงินในแอปพลิเคชันน้อยลง ทำให้กลุ่มคนร้ายมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกระทำความผิดเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระจายการดำเนินการไปหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด