DSI ส่งสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 20 ราย ปลอมเอกสารหลอกขอสินเชื่อจากธนาคาร 826 ล้านบาท

published: 10/2/2566 13:46:21 updated: 10/2/2566 13:46:21 2539 views   TH
 

DSI ส่งสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 20 ราย

ปลอมเอกสารหลอกขอสินเชื่อจากธนาคาร 826 ล้านบาท

       กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในคดีพิเศษที่ 18/2563 กรณี กลุ่มบุคคลมีพฤติการณ์ร่วมกันวางแผนให้นิติบุคคล จำนวน 13 ราย หลอกลวงขอเบิกใช้เงินสินเชื่อจากธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (ชื่อในขณะ   เกิดเหตุ) แล้วให้ธนาคารโอนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ไปยังบัญชีธนาคารปลายทางที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสิงคโปร์ รวม 144 ครั้ง จำนวนเงินประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 826 ล้านบาท 
จากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ ติดต่อเจรจาขอวงเงินสินเชื่อและเบิกใช้สินเชื่อประเภทเพื่อการซื้อขายสินค้า ที่อ้างว่าจะนำไปชำระค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายที่ต่างประเทศ โดยพบการนำเอกสารปลอมและเอกสารเท็จมาแสดงต่อธนาคาร และยังได้จัดทำงบการเงินเท็จและตกแต่งงบการเงินให้ดูมีฐานะทางการเงินที่ดีเพื่อหลอกลวงธนาคาร จนเป็นเหตุให้ธนาคารหลงเชื่อว่ามีการซื้อขายสินค้ากันจริง จึงได้โอนเงินไปต่างประเทศที่เข้าใจว่าเป็นการชำระค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายตามที่กลุ่มผู้ต้องหากล่าวอ้าง  ทั้งที่ความจริงแล้วในช่วงเวลาเกิดเหตุนิติบุคคลดังกล่าวไม่ได้ประกอบกิจการ ไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริง จึงไม่มี   มูลหนี้ให้ต้องโอนเงินไปชำระค่าสินค้าแต่อย่างใด
            ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา จำนวน 20 ราย ในความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม นำปัจจัยชำระเงินต่างประเทศโดยได้รับอนุญาตไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือผิดเงื่อนไขในการได้ไปซึ่งปัจจัยชำระเงินต่างประเทศนั้น และลักลอบส่งเงินตราต่างประเทศ อันเป็นของต้องจำกัดออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน และกฎหมายศุลกากร โดยศาลได้พิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาที่ไม่มารับทราบ
ข้อกล่าวหา จำนวน 14 ราย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ส่งสำนวนคดีพิเศษดังกล่าวไปยังพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาตามกฎหมายต่อไป