DSI สนธิกำลัง ปปส.ภาค 6 กรมโรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมตรวจสอบ ของกลาง สารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตราย กว่า 805 ตัน มูลค่ากว่า 67 ล้านบาท ที่ถูกยึดก่อนส่งประเทศเพื่อนบ้าน เร่งสอบสวนขยายผล เกรงนำไปดัดแปลงเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด
published: 8/20/2025 1:29:21 PM updated: 8/20/2025 1:29:21 PM 86 views
วันนี้ (วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568) เวลา 09.30 น. ณ โกดังเก็บสินค้าในตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วย นายวรรณชัย พรหมรักษ์ รองผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1/2568 นายบารมี จันทรพิสัย ผู้อำนวยการส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภค 2 นายศิริชัย บัวเผือก หัวหน้าสำนักงานผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 1/2568 ได้ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 6 นายวิสุทธิ์ ชุมคง เจ้าพนักงานตรวจโรงงานชำนาญงาน ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายเฉลิมศักดิ์ ภิรมย์ทอง สรรพสามิตพื้นที่ตาก สาขาแม่สอด ร้อยตำรวจโทณัฐพัชร์ จันทร์ศรี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ. แม่สอด ร้อยตำรวจตรี ณัฐภัทร ฟูสามป๊อก ผู้บังคับหมวดตระเวนชายแดนที่ 3461 นายสุรัตน์ชัย ใจดี รองนายกฯอบต.แม่กาษา นายสมเกียรติ ทิยอด กำนันตำบลแม่กาษา และผู้ปกครองท้องที่ ร่วมกันตรวจสอบ ถังบรรจุสารเคมี จำนวน 8 รายการ เช่น ทูโลอีน เบนซิน อะซิโตน โซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นต้น คำนวณเป็นปริมาณ 805 ตัน มูลค่ารวมประมาณ 67 ล้านบาท ที่สำนักงาน ปปส.ภาค 6 มีการอายัดไว้ ณ สถานที่ดังกล่าว พบว่าสิ่งของยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในจำนวนดังกล่าวมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จำนวน 333 ตัน โดยผู้แทนสำนักงาน ปปส. ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจอายัด ได้ส่งมอบสิ่งของดังกล่าวให้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับไว้เป็นของกลางในคดี และพนักงานสอบสวนพิเศษได้ส่งมอบของกลางดังกล่าวให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายดังกล่าวที่จะต้องมีการส่งมอบสิ่งของไปเก็บรักษาไว้โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป โดยมีผู้แทนกรมสรรพสามิตและผู้ปกครองท้องที่ ร่วมเป็นพยานในการรับมอบและส่งมอบ
คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมกับสำนักงาน ปปส. ตรวจยึดเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 และ 3 รวม 8 รายการ ดังกล่าวได้จากโกดังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนกลับพบว่าวัตถุดังกล่าวมีบริษัทแห่งหนึ่งได้ขออนุญาตนำเข้าและแจ้งสถานที่เก็บรักษาไว้ที่จังหวัดปทุมธานี ประกอบกับสารเคมีดังกล่าวบางชนิด เมื่อนำไปผสมกับสารเคมีอื่น สามารถนำไปดัดแปลงเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้ สำนักงาน ปปส. จึงได้อายัดไปตามกฎหมาย และเนื่องจากสารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 มีปริมาณตั้งต้นเกินกว่า 50 ตัน จึงเป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษและได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อขยายผลต่อไป
“วันนี้เป็นการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบความมีอยู่ของวัตถุพยานของกลาง เพื่อนำเข้าสู่การสอบสวน และส่งมอบให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้กำชับให้มีการสอบสวนขยายผลไปยังต้นตอผู้นำเข้าโดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ปปส. โดยใกล้ชิด และอาจขยายผลต่อไปในเรื่องของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ต่อไป” พันตำรวจตรี วรณัน กล่าว