DSI แถลงศาลมีคำพิพากษาเพิ่มเติมอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200

published: 11/10/2561 14:31:15 updated: 11/10/2561 14:31:15 2300 views   TH
 

" DSI แถลงศาลมีคำพิพากษาเพิ่มเติมอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200 "

           ตามที่คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินคดีพิเศษ กรณีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงาน ได้ร้องทุกข์ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญากับผู้ลวงขายอุปกรณ์ตรวจระเบิด GT200 ให้กับหน่วยงานของตน ซึ่งต่อมาปรากฏว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่ได้โฆษณาขาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนและรวบรวมหลักฐานแล้ว พบมูลความผิดจึงเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อมีมติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ โดยมีการดำเนินคดีอาญาทั้งสิ้น 16 คดี และมีส่วนราชการซึ่งเป็นผู้เสียหาย ประกอบด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดพิษณุโลก กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมราชองครักษ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดยะลา ตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพเรือ และจังหวัดสุโขทัย ซึ่งต่อมาศาลแขวงดอนเมืองได้มีคำพิพากษาไปแล้ว 3 คดี โดยคดีแรก มีศูนย์รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีระหว่างอุทธรณ์ คดีที่ 2 มีกรมสรรพาวุธทหารบกเป็นผู้เสียหาย ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี จำนวน 12 กระทง รวม 36 ปี แต่ตามมาตรา 91 (1) แห่งประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้จำคุกได้ไม่เกิน 10 ปี และมีโทษปรับ 72,000 บาท ส่วนคดีที่ 3 คือคดีที่มีกรมราชองครักษ์เป็นผู้เสียหาย ศาลพิพากษาจำคุก ในความผิดฐานฉ้อโกง กระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นระยะเวลา 9 ปี และมีโทษปรับ 18,000 บาท นั้น

     ในวันนี้ (วันพุธที่ 10 ตุลาคม 2561) ศาลแขวงดอนเมืองได้มีคำพิพากษาในคดีที่มีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้เสียหาย มีบริษัทเอวิเอ แซทคอม จำกัด และนายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ นางศสกร ปลื้มใจ และนางสาวพันทวีทรัพย์ สุดยาใจ เป็นจำเลยที่ 1 - 4 โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องฐานร่วมกันฉ้อโกง ความเสียหาย 6.8 ล้านบาท พิพากษาลงโทษปรับบริษัท เอวิเอฯ จำเลยที่ 1 จำนวน 18,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 9 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 3 – 4 และให้จำเลยที่ 1 และ 2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 6.8 ล้านบาท ให้แก่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นคดีที่ 4 จากจำนวน 16 คดี ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด ซึ่งเรื่องดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินจำนวนมากซึ่งหากมีผลการดำเนินคดีเพิ่มเติมจะได้ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบต่อไป

คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ

10 ตุลาคม 2561