“การประชุมเชิงปฏิบัติการกำหนดแนวทางการสอบสวนร่วมกันหรือการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในคดีพิเศษ ระหว่างพนักงานสอบสวนคดีพิเศษกับพนักงานอัยการหรืออัยการทหาร ในกรณีการดำเนินการในคดีการค้ามนุษย์”

พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วยร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ และร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับผู้อำนวยการกอง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอก ดร. โชคชัย สิทธิผลกุล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายไวยกาญจน์ จามิกรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ4 สำนักงานคดีพิเศษ นายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีค้ามนุษย์ นายรชต พนมวัน อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 นายปรีชา ปิ่นอำพล อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 พันตำรวจโท ปัณณทัต บุญอินทร์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายเชาวพันธุ์ ช่วยชู อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 นางสาววิสาสินี ศุภวิรัชบัญชา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ร้อยตำรวจเอก พงษ์พิพัฒน์ เขียวอุบล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 4 นายณัฐวุฒิ ชยวัฑโฒ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด และกรมพระธรรมนูญ สำนักงานอัยการทหาร ประกอบด้วย พันตรีหญิง พัชรินทร์ ไชยงค์ อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ และร้อยเอกหญิง ตรีสุดา ทองสุก อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ

          การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ โดยได้ข้อสรุป สามารถนำไปกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงาน ดังนี้ 1) การสอบสวนร่วมกันหรือการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในคดีค้ามนุษย์และคดีพิเศษอื่น 2) การปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งสำนวนการสอบสวนและตัวผู้ต้องหา 3) การสอบสวนร่วมในคดีความผิด ซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และ 4) เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยการดำเนินการต่อจากนี้ แต่ละหน่วยงานจะกลับไปดำเนินการตามผลการประชุมภายใต้ภารกิจและอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานตามกฏหมายของแต่ละหน่วยงาน นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และยกระดับการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เสริมสร้างระบบยุติธรรมที่มีมาตรฐาน โปร่งใส และเชื่อถือได้