DSI เผยคำพิพากษาศาลอาญา สั่งจำคุก 2 ปี ปรับเจ้าของเว็บ “Doo4k.tv” ละเมิดลิขสิทธิ์ทรูวิชั่นส์ มูลค่าเสียหายกว่า 120 ล้านบาท

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เผยคำพิพากษาศาลอาญา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ในคดีหมายเลขดำ อทย.245/2567 และคดีหมายเลขแดง อทย.198/2568 อันเป็นผลสืบเนื่องจากการสอบสวนคดีพิเศษที่ 113/2560 กรณีบริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าพบการลักลอบถ่ายทอดสัญญาณรายการโทรทัศน์ของทรูวิชั่นส์ผ่านเว็บไซต์ผิดกฎหมายหลายแห่ง อาทิ www. doo4k. tv, www. ipplaybox .com และ www. uhdtv. com โดยกลุ่มผู้กระทำผิดได้ใช้เทคนิคปิดบังรหัสความปลอดภัย “fingerprint” และรหัสประจำตัวสมาชิก รวมถึงทำการเลื่อนเวลาการออกอากาศ (delay) เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังมีพฤติการณ์เผยแพร่สื่อภาพยนตร์ลามกอนาจารที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยให้บริการผ่านระบบสมาชิกที่มีการเก็บค่าสมัครรายเดือน เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยมีผู้ต้องหารวม 7 ราย เอกสารพยานหลักฐาน 121 แฟ้ม จำนวน 33,681 แผ่น มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 120,360,000 บาท โดยผู้เสียหาย (บริษัท ทรูวิชั่นส์ ) ถอนคำร้องทุกข์คดีละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวสามารถยอมความได้ จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการทรัพย์สินทางปัญญา คณะพนักงานสอบสวนจึงดำเนินการในส่วนของความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานคดีพิเศษซึ่งมีอำนาจพิจารณาในฐานความผิดดังกล่าว ไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 (ผู้ต้องหาอีกจำนวน 2 ราย ที่เป็นนายทุน และแอดมินเพจ พนักงานอัยการยังไม่ได้ฟ้อง) เว็บไซต์ http://www.Doo4k.tv ได้เผยแพร่ภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์และสื่อลามกอนาจารผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์และเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวม 7 ราย ประกอบด้วยผู้จัดการเว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์ แอดมินดูแลเว็บไซต์/เพจ และผู้ถือบัญชีม้า

ศาลอาญาได้พิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การรับสารภาพว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะลามกและประชาชนเข้าถึงได้ มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี และปรับ 60,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 30,000 บาท รอการลงโทษจำคุกมีกำหนด 2 ปี พร้อมกำหนดให้จำเลยต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งภายใน 1 ปี และทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง หากไม่ชำระค่าปรับให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยศาลยังมีคำสั่งให้ริบของกลางในคดี ได้แก่ อุปกรณ์รับสัญญาณคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ สมุดบัญชี และอุปกรณ์อื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 44 รายการ นอกจากนี้ในส่วนของจำเลยที่ 2 - 5 ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงมีคำสั่งให้แยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์และป้องกันการเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อรักษาความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศต่อไป